WHO ตั้งชื่อโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้ว่า "โอไมครอน" (Omicron) จัดเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ขณะที่สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ประกาศควบคุมการเดินทางใน 7 ชาติแอฟริกาแล้ว แล้วก็เบลเยี่ยมเป็นประเทศแรกในยุโรปที่พบผู้ติดเชื้อโควิด "โอไมครอน"
โอไมครอน แล้วก็ นู เป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ตัวเดียวกัน
แต่เดิมมีการคาดการณ์กันว่า เชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ B.1.1.529 ที่กำลังเป็นที่วิตกกังวลแล้วก็จับตาของบรรดานักวิทยทศาสตร์จากทั่วโลกนั้น ได้ใช้ชื่อว่า "Nu" หรือ "นู" แต่จากรายละเอียดที่ถูกกล่าวว่าจากนี้ ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า โอไมครอน (Omicron)
ข่าวที่เชื่อมโยงกับการกลายพันธุ์โควิด-19 ที่เป็นรายละเอียดก่อนหน้าสำหรับผู้อ่าน
- โควิดสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด "นู" อันตรายมากกว่าเดิม
คณะกรรมการด้านโรคโควิด-19 ของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า ได้จัดให้เชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ B.1.1.529 อยู่ในรายชื่อ "เชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล" (Variant of Concern) แล้วก็ตั้งชื่อเรียกตามลำดับอักษรกรีกว่า โอไมครอน (Omicron)
"โอไมครอน" เป็นเชื้อตัวแรกในรอบ 6 เดือนที่ถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ต่อจากสายพันธ์ "เดลตา" เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แล้วก็นับเป็นเชื้อกลายพันธุ์ตัวที่ 5 ที่ WHO จัดให้เป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล ต่อจาก อัลฟา เบตา แกมมา แล้วก็เดลตา ส่วนสายพันธุ์ แลมบ์ดา แล้วก็ มิว ปัจจุบันยังถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจ (Virant of Interest) ซึ่งพูดได้ว่ามีความร้ายแรงต่ำกว่า
สายพันธุ์ "โอไมครอน" พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในพื้นที่มีจำนวนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในภายระยะเวลาเดียวกันกับที่ตรวจพบสายพันธุ์โอไมครอน ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า สายพันธุ์ "โอไมครอน" มีการกลายพันธุ์จำนวนมาก แล้วก็มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอาจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะกลับมาติดเชื้อซ้ำได้ เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ที่น่ากังวลสายพันธุ์อื่น โอไมครอน เท่ากับว่าโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ต้องระวัง
มีการรายงานการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" เพิ่มขึ้นในแทบทุกจ.ของแอฟริกาใต้ โดยที่ชุดตรวจแบบ PCR ยังสามารถใช้ตรวจจับสายพันธุ์ใหม่นี้ได้ แต่การที่จำนวนการตรวจพบเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการระบาดครั้งก่อนๆ เป็นสัญญาณที่น่ากังวล