อยากทำธุรกิจด้านความงาม ยิ่งเกี่ยวกับสุขภาพบนตัวคน เกี่ยวกับยา อาหารเสริม มันส่งผลต่อด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ ยิ่งต้องมีความรู้ที่เพียงพอ และยิ่งต้องรอบคอบมากกว่าปกติ

ไม่อย่างนั้น อาจมีบทเรียน และหากเกิดความเสียหายขึ้น อาจไม่ได้มานั่งร้องไห้ขอโทษให้เห็นแบบนี้ อย่างในกรณีของคุณ “พิมรี่พาย” ที่มีการเข้าไปแจ้งความว่าถูกสาวปลอมใบวิชาชีพ มาสมัครเป็นหมอคลินิกเสริมความงามของตนเองนั้น ส่วนนี้อาจเกิดความผิดพลาดได้ ด้วยความไม่รอบคอบและไม่รัดกุมในการทำงาน รวมไปถึงอาจมีประสบการณ์น้อย ทำให้ลืมตรวจสอบ เพราะคนทำธุรกิจ มีหลายงาน และต้องทำคนเดียว มันจะวุ่นวายหลายเรื่องจนทำให้เกิดการ พลาดครั้งใหญ่

จากกรณีที่เมื่อช่วงค่ำวันของวันที่ 16 ธ.ค. 2564 แฟนเพจดราม่าแอดดิคได้โพสต์ข้อความอ้างว่า “พิมรี่พาย งานเข้ารอดูข่าวค่ำๆ คืนนี้ครับ เรื่องใหญ่มาก” ทั้งนี้ทำให้ประเด็นดังกล่าวถูกพูดถึงเป็นจำนวนมากในโลกออนไลน์

งานเข้าพิมรี่พาย รับหมอปลอมเข้าทำงาน

เรื่องเกี่ยวกับมีคนมาสมัครเป็นหมอทำงานในคลินิกเสริมความงาม แล้วใช้ใบวิชาชีพปลอม ไม่รู้ว่าเอกสารอื่นๆ ปลอมด้วยหรือไม่ แต่สรุปคือ ไม่ใช่หมอจริง เพราะหมอตัวจริงก็โพสชี้แจงมาแล้ว

ในโลกออนไลน์ มีการแชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยระบุข้อความว่า “ขอชี้แจงนะคะ ดิฉัน นางสาวปิยนุช รัตนโกเศศ ชื่อเล่น หยก เลขประกอบวิชาชีพ… ไม่เคยทำงานที่ Est Cute clinic ของพิมรี่พาย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ตามที่โดนแอบอ้างชื่อไปใช้ในคลินิก ปัจจุบันอยู่ต่างประเทศมาเกือบ 7 เดือนแล้ว หากมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นภายใต้การถูกแอบอ้างชื่อ ไม่ใช่ตัวดิฉันแน่นอนค่ะ”

นั่นเท่ากับว่า หมอที่พิมรี่พายรับมาทำงานนั้น เป็นตัวปลอมและอาจไม่ใช่หมอ ยังดีที่ผลกระทบไม่ได้หนักหนาถึงกับต้องทำให้คนอื่นเสียชีวิต แต่กรณีแบบนี้ ได้บทเรียนแน่นอน

งานเข้าพิมรี่พาย รับหมอปลอมเข้าทำงาน

ส่วนเนื้อข่าวและมีความเสียหายอะไร มีการร้องเรียนอะไรไปบ้าง ขอไม่เอ่ยถึง แต่เราจะขอแนะนำว่า

ทำธุรกิจความงามที่เกี่ยวกับสุขภาพของคนจะต้องรอบคอบ

ไม่ว่าการทำงานอะไร จะเป็นแค่งานอดิเรก หรืองานอาชีพจริง จำเป็นที่ตัวเราจะต้องมีความรู้ในธุรกิจ ในเรื่องนั้นๆ พอสมควร และต้องมีความรอบคอบในการรับสมัครผู้ที่จะมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เพราะพวกเค้าเหล่านั้นกำลังกำชะตาและอนาคตของเราซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเอาไว้ หากพวกเค้าทำเสียหาย เราก็ย่อมต้องเสียหายไปด้วย ไม่ใช่แค่พอเสียหายก็ขอโทษ แล้วชดเชยความผิดกันไปแล้วจบ

อาจจะทำอย่างนั้นได้ แต่ไม่ควรบ่อยเกินไป เพราะมันจะกระทบหลายอย่าง

ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวแล้วไปซื้อหุ้น ก็ได้เป็นเจ้าของธุรกิจนั้นแล้ว มันไม่ใช่

อย่างน้อยก็ต้องรอบคอบในการทำงานอดิเรกของตัวเองเพื่อสร้างรายได้ เอาไว้บ้าง

แนะนำเนื้อหาเพิ่มเติม ที่คุณอาจสนใจ

You need to login to contact with the Listing Owner. Click Here to log in.